สิทธิลากิจธุระอันจำเป็นตามร่าง
กฎหมายฉบับใหม่?
สิทธิลาเพื่อกิจธุระอันจำเป็นของลูกจ้างเป็นสิทธิได้หยุดงานประเภท "วันลา"
มิใช่ "วันหยุด" ลูกจ้างจะใช้สิทธิได้ก็ต่อเมื่อเข้า"เงื่อนไข"การใช้สิทธิลาตามที่กฎหมายและตามที่นายจ้างลูกจ้างกำหนด นายจ้างจึงจะมี"หน้าที่"ดำเนินการใช้การใช้สิทธิของลูกจ้างมีผลในทางปฎืบัติ
ในทางปฏืบัติมีปัญหาอย่างน้อย 2 ประการ
1.กรณีนายจ้างมิได้กำหนดให้มีข้อบังคับการทำงาน อาจทำให้ลูกจ้างที่ทำงานในกิจการขนาดเล็กที่กฎหมายมิได้บังคับให้มีข้อบังคับฯ อาจจะไม่ได้มีสิทธิลากิจ
2. ลูกจ้างรายวัน หรือระหว่างทดลองงานอาจไม่มีสิทธิลากิจ โดยได้รับค่าจ้างระหว่างลาเพราะในทางปฎืบัตินายจ้างจะจ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้างรายเดือน หรือผ่านการทดลองงานแล้วที่จะมีสิทธืลากิจ
ด้วยเหตุดังกล่าวร่างพรบ.คุ้มครองแรงงาน ฉบับใหม่ ที่ผ่านสนช.วาระที่ 1 เมื่อ 20 ก.ย.2561 จึงมีการแก้ไขเพิ่มเติม กำหนดให้ลูกจ้างมีสิทธิลากิจธุระอันจำเป็นโดยได้รับค่าจ้างอย่างน้อย 3 วันต่อปี
(แก้ไขม.34 และเพิ่มม.57/1) แสดงว่าจะกำหนดวันลามากกว่า 3 วัน ก็ได้
ผลการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว หากกฎหมายผ่านสนช.ประกาศใช้บังคับ ย่อมมีผลให้นายจ้างต้องกำหนดให้ลูกจ้างมีสิทธืลากิจโดยได้รับค่าจ้างตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งจะกำหนดไว้ในข้อบังคับหรือประกาศตางหากก็ได้ หรือแม้ไม่ประกาศกำหนดไว้ลูกจ้างทุกประเภทไม่ว่าลูกจ้างรายวัน รายเดือน หรืออยู่ ระหว่างทดลองงาน ลูกจ้างคนไทยหรือต่างด้าว มีสิทธิลากิจได้โดยผลของกฎหมาย
ส่วนวันลากิจธุระอันจำเป็น จะมีกิจธุระประเภทใดบ้าง อันใหนจำเป็น ไม่จำเป็น มีเงื่อนไขการลากิจอย่างไร วิธิปฏืบัติในการลา หรือจะกำหนดวันลากิจตามสัดส่วนปีที่ทำงาน อย่างไน ในส่วนนี้ นายจ้าง ลูกจ้าง สหภาพแรงงานต้องไปกำหนดหรือตกลงกันเอง กฎหมายมิได้กำหนดไว้ เพราะเป็นรายละเอียดหยุมหยิมเกินความจำเป็นที่จะไปกะเกณฑ์บังคับควบคุม
อนึ่ง กรณีที่นายจ้างกำหนดสิทธิลากิจที่มีมาตรฐาสูงกว่าร่างกฎหมายดังกล่าวไว้เเล้ว เช่น
ให้สิทธิลูกลากิจปีละ 5 วันทำงานโดยได้รับค่าจ้าง นายจ้างก็ต้องให้สิทธิลูกจ้างลาตามเดิม มิใช่ไปแก้ไขเปลี่ยรแปลงโดยลดวันลากิจ
เหลือ 3 วัน
นอกจากนี้สิทธิการลากิจ กฎหมายมิได้บังคับให้นายจ้างละสมไปหยุดในปีต่อๆไป หรือต้องชดเชยเป็นเงืนค่าจ้างเช่นวันหยุด เช่น วันหยุดพักผ่อนประจำปี วันหยุดตามประเพณี
กระนั้นก็ดี นายจ้างจะตกลงให้สะสมไปลากิจในปีต่อๆไปก็น่าจะทำได้เพราะเป็นประโยชน์ต่อลูกจ้าง แต่เท่าที่รู้ยังไม่เห็นนายจ้างรายใดทำแบบนี้เลย