ทางสภาองค์การลูกจ้างพัฒนาแรงงานแห่งประเทศไทย และเครือข่ายประกันสังคมคนทำงาน องค์กรแรงงาน จึงมีข้อเสนอต่อท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ดังนี้
ข้อ ๑. ปฏิรูปเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ผู้ประกันตน
- กรณีลูกจ้าง(ผู้ประกันตน) ถูกเลิกจ้าง ลาออกจากงาน หรือพ้นจากการเป็นลูกจ้าง ไม่ว่ากรณีใดๆให้ได้รับสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานในอัตราเดียวร้อยละ ๗๕ ของค่าจ้าง ระยะเวลาจ่าย ๑๘๐ วัน
ข้อ ๒. ปฏิรูปค่ารักษาพยาบาลกองทุนเงินทดแทนให้เท่าเทียมกับสิทธิการรักษาพยาบาลเท่ากับกองทุนอื่น
- กรณีลูกจ้างได้รับอุบัติเหตุ เจ็บป่วย เนื่องจากการทำงานหรือตามคำสั่งของนายจ้างให้ลูกจ้างได้รับการรักษาพยาบาลจนกว่าสิ้นสุดการรักษา
ข้อ ๓. รัฐต้องจัดสรรงบประมาณเพิ่ม“กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง” ๑,๐๐๐ ล้านบาทในปีงบประมาณ ๒๕๖๓
- ขยายวงเงินช่วยเหลือลูกจ้างในกรณีนายจ้างไม่จ่ายค่าชดเชย ค่าจ้าง หรือเงินตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ (ฉบับที่ ๗) แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.๒๕๖๒ โดยมีหลักเกณฑ์ ดังนี้
ทำงานครบ ๑๒๐ เดือน แต่ไม่ครบ ๓ ปี จ่ายให้ ๙๐ วัน
ทำงานครบ ๓ ปี แต่ไม่ครบ ๑๐ ปี จ่ายให้ ๑๘๐ วัน
ทำงานครบ ๑๐ ปี แต่ไม่ครบ ๒๐ ปี จ่ายให้ ๒๔๐ วัน
ทำงานครบ ๒๐ ปี ขึ้นไป จ่ายให้ ๓๐๐ วัน
ข้อ ๔. ปฏิรูปการจ้างงาน หน่วยงาน หรือองค์กรของรัฐให้เป็นการจ้างแรงงานให้อยู่ภายใต้กฎหมาย
คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑, กฎหมายประกันสังคม และกฎหมายกองทุนเงินทดแทน
- เพราะปัจจุบันนี้มีการจ้างงานหลายรูปแบบทำให้ลูกจ้างส่วนราชการไม่มีความมั่นคงในการทำงานและสภาพการจ้างงานไม่สอดคล้องกับสภาพสังคมปัจจุบัน
ข้อ ๕. รัฐบาลต้องมีมาตรการควบคุมราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ
ข้อ ๖. รัฐบาลต้องมีมาตรการช่วยเหลือนายจ้างที่ได้รับผลกระทบกรณีปรับค่าจ้างขั้นต่ำ ๔๐๐ บาทต่อวัน
มาตรการระยะยาว ๔ ปี
- ปฏิรูปสำนักงานประกันสังคม เป็นองค์การอิสระโดยยึดหลัก ๔ ประการ
§ หลักความครอบคลุม
§ หลักความเป็นอิสระและบูรณาการของระบบบริการ
§ หลักความโปร่งใสและมีส่วนร่วมของผู้ประกันตน
§ หลักยืดหยุ่น เป็นธรรม สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจและสังคม
ข้อ ๗. ค่าจ้างขั้นต่ำให้เป็นค่าจ้างแรกเข้าและให้มีโครงสร้างค่าจ้างประจำปีหรือตามทักษะฝีมือแรงงาน