คปค. ยื่นหนังสือถึงเลขาธิการประกันสังคม
วันที่ 26 ธันวาคม 2559 ที่สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน #เครือข่ายประกันสังคมคนทำงาน (คปค.) #เข้าพบเลขาธิการสปส. นายมนัส โกศล ประธาน คปค. ทพญ.มาลี วันทนาศิริ ผู้ประสานงาน เครือข่าย ฟ.ฟัน สร้างสุข ตัวแทนเครือข่ายแรงงานนอกระบบ เข้าพบเลขาธิการ สปส. (นายสุรเดช วลีอิทธิกุล) ที่กระทรวงแรงงาน อาคารประกันสังคม เขตพื้นที่ 3 ชั้น 7 เวลา 13.30 น. เพื่อหารือและติดตามความคืบหน้าในการปฏิรูประบบประกันสังคม 5 กรณี โดยเฉพาะสิทธิการตรวจสุขภาพ
นายมนัส กล่าวว่า การนำเสนอ 5 ประเด็น มีดังนี้ ประเด็นที่ 1) การส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค มาตรา 63 (2) และเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ประกันตน กรณีได้รับความเสียหายจากการรับบริการทางการแพทย์ มาตรา 63 (7) ประเด็นที่ 2) การเพิ่มและขยายสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกันตนแรงงานนอกระบบ ตามมาตรา 40 ให้เท่ากับมาตรา 39 ประเด็นที่ 3) การเร่งรัดการออกอนุบัญญัติตาม พ.ร.บ. ประกันสังคม (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2558 จำนวน 17 ฉบับ ประเด็นที่ 4)สิทธิประโยชน์ทางทันตกรรมแก่ผู้ประกันตน และ ประเด็นที่ 5) กรณีผู้ประกันตนรับเงินบำนาญชราภาพถูกตัดสิทธิการรักษาจากประกันสังคม ไปใช้ระบบบัตรทองนั้น ขอให้ใช้สิทธิรักษาพยาบาลจากประกันสังคมได้
นายมนัส ประธาน คปค. กล่าวว่า การส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค มาตรา 63 (2) ซึ่งมีการจัดตรวจสุขภาพฟรีนั้น ยังขาดการประสานงานกับกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ซึ่งมีกฎหมายบังคับให้กิจการบางประเภทที่มีความเสี่ยงต้องจัดตรวจสุขภาพให้แก่ลูกจ้างอยู่แล้ว สำหรับสิทธิตรวจสุขภาพฟรีนั้นยืนยันว่าไม่ควรมีการกำหนดอายุ เพราะทุกคนมีการจ่ายเงินสมทบเหมือนกัน ถือเป็นการจำกัดสิทธิ
“เครือข่าย คปค. ขอให้เพิ่มการตรวจสุขภาพช่องปาก และการฝากครรภ์ ให้อยู่ในสิทธิตรวจสุขภาพด้วย เพราะที่ผ่านมาพบว่าในส่วนของผู้ประกันตนนั้นมักไปใช้สิทธิรักษาทันตกรรมช่วงปลายปีก่อนที่จะหมดสิทธิ ทั้งที่อาจไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่การเพิ่มสิทธิตรวจสุขภาพช่องปาก จะช่วยให้ผู้ประกันตนรู้ว่าสุขภาพช่องปากของตัวเองเป็นอย่างไร ต้องรักษาในเรื่องใดบ้าง"
"ส่วนกรณีการฝากครรภ์นั้นพบว่า ผู้ประกันตนที่ตั้งครรภ์ไม่ค่อยมาฝากครรภ์ เหมือนคนในสิทธิบัตรทอง เพราะต้องเสียเวลาในการทำงานและมีค่าใช้จ่าย จึงต้องการเก็บเงินไว้ใช้ในช่วงหลังคลอด การให้สิทธิตรวจสุขภาพครอบคลุมการฝากครรภ์ด้วย จะช่วยเพิ่มอัตราการฝากครรภ์ได้” นายมนัสกล่าว
"จากการติดตามความก้าวหน้าในการออกอนุบัญญัติ ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2558 จำนวน 17 ฉบับ พบว่ากฎหมายลำดับรองที่ได้มีการจัดทำ และมีผลบังใช้แล้วนั้นเพียง 7 ฉบับ ส่วนมากเป็นกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้องกับการบริหารสำนักงาน และการจัดตั้งคณะอนุกรรมการ ภายใต้คณะกรรมการประกันสังคม แต่ยังไม่มีการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้องกับ
สิทธิ หน้าที่ และประโยชน์ทดแทน ที่ผู้ประกันตนจะได้รับ หรือเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการบริหารจัดการกองทุนประกันสังคม จึงขอให้เร่งรัดดำเนินการในเรื่องนี้ และขอสอบถามถึงความคืบหน้าในการออกพระราชกฤษฎีกากำหนดคุณสมบัติของบุคคลซึ่งสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตน และอัตรการจ่ายเงินสมทบ มาตรา 40 กฏกระทรวง มาตรา 40 ระเบียบกระทรวงแรงงานว่าด้วยการเลือกตั้ง มาตรา 8 รวมทั้ง มาตรา 63 (2) (7) ยังไม่ชัดเจน และยังไม่เทียบเท่ากับสิทธิ สปสช." นายมนัสกล่าว
ทพญ.มาลี วันทนาศิริ ผู้ประสานงาน เครือข่าย ฟ.ฟัน สร้างสุข กล่าวว่า สิทธิประโยชน์ในการส่งเสริมสุขภาพ และป้องกันโรค มาตรา 63 (2) ของประกันสังคม ถือว่าน้อยกว่าสิทธิในกองทุนอื่น ในฐานะทันตแพทย์ ขอให้มีการเพิ่มการตรวจร่างกายตามระบบ ในการตรวจสุขภาพช่องปาก 1 ครั้งต่อปี ในอัตราค่าบริการ 50 บาทต่อครั้ง ในชุดสิทธิประโยชน์จากการตรวจร่างกายในแนบท้ายประกาศคณะกรรมการแพทย์ ลงวันที่ 16 ธันวาคม 2559 ส่วนประเด็นเรื่องการปฏิรูปสิทธิประโยชน์การรักษาทางทันตกรรมให้มีความเป็นธรรมและเท่าเทียม ผู้ประกันตนต้องมีสิทธิการรักษาทางทันตกรรมตามความจำเป็นโดยไม่กำหนดเพดานเงินค่ารักษา และไม่ต้องสำรองจ่าย
"ขอเรียกร้องให้สำนักงานประกันสังคม จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการร่วมกรณีทันตกรรม เพื่อติดตามความก้าวหน้าของการปฏิรูปสิทธิประโยชน์ทางทันตกรรมอย่างต่อเนื่อง แต่ที่ผ่านมามีการประชุมเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น" ทพญ.มาลี กล่าว
นางอุบล ร่มโพธิ์ทอง ผู้แทนเครือข่ายแรงงานนอกระบบ กล่าวว่า การเพิ่มและขยายสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกันตนแรงงานนอกระบบตามมาตรา 40 ให้เท่ากับมาตรา 39 ได้แก่ 1. ประโยชน์ทดแทนกรณีเสียชีวิต ผู้ประกันตนมาตรา 40 ขอเพิ่มสิทธิรับเงินค่าทำศพเป็น 40,000 บาท 2. กรณีประสบอันตราย/เจ็บป่วย ให้ได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ เมื่อเจ็บป่วยและมีใบรับรองแพทย์ 300 บาทต่อวัน 3. กรณีทุพพลภาพ รับเงินทดแทนการขาดรายได้นาน 15 ปี ขอแก้ไชเป็นตลอดชีวิต นอกจากนี้ ขอเรียกร้องในประเด็นการฝากครรภ์ด้วย เนื่องจากผู้ประกันตนได้ร้องเรียนในเรื่องนี้มาก
พลโท.นพ สิริชัย รัตนวราหะ กรรมการกองทุนเงินทดแทนชุดที่ 9 กล่าวว่า การส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค มาตรา 63 (2) ยังถือว่าทำได้ล่าช้า ยังขาดกิจกรรมการส่งเสริมสุขภาพ สิ่งที่กล่าวว่าเป็นของขวัญให้กับผู้ประกันตนนั้น ที่จริงแล้วคือเงินผู้ประกันตน
"กิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ การส่งเสริมป้องกันโรค และกิจกรรมการรณรงค์การสร้างเสริมสุขภาพ และป้องกันโรค ถือเป็นสิทธิของประชาชนและผู้ประกันตน ดังนั้นเงินส่งเสริมสุขภาพเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องดูแล ไม่จำเป็นต้องนำเงินกองทุนประกันสังคมมาใช้ ทั้งนี้ ในการส่งเสริมป้องกันโรค กรณีที่ผู้ประกันตนตรวจพบโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง และเริ่มมีผลการตรวจสุขภาพผิดปกติ เช่น ความโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ ทั้งจากการตรวจสุขภาพประจำปีของโรงงาน หรือการตรวจพบจากการตรวจสุขภาพตามสิทธิผู้ประกันตนนั้น ต้องได้รับการรักษาและมีการให้ความรู้ในการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ควรพัฒนาระบบหน่วยบริการปฐมภูมิ การบริการส่งเสริมสุขภาพการป้องกันโรคในสถานประกอบการ ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อการรักษาโรคเรื้อรังที่ตรวจพบ ให้สามารถควบคุมและป้องกันภาวะแทรกซ้อน" พลโท.นพ สิริชัย กล่าว
นพ.สุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวว่า สำหรับข้อเรียกร้องต่างๆนั้น ทาง สปส. ยินดีรับไว้พิจารณา เบื้องต้นข้อเสนอการตรวจสุขภาพผู้ประกันตนที่จะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 นั้น ทางเครือข่ายเสนอขอให้มีการตรวจสุขภาพช่องปาก ในเรื่องทันตกรรม รวมทั้งเรื่องการตรวจการตั้งครรภ์ การฝากครรภ์ อยากให้อยู่ในการตรวจสุขภาพนั้น สปส.ก็จะรับไว้พิจารณา ซึ่งมองว่าน่าจะปรับปรุงเพิ่มเติมได้ แต่ในเรื่องผู้ประกันตนที่เกษียณอายุไปแล้ว และอยากให้สปส.ดูแลการรักษาพยาบาลต่อนั้น เรื่องนี้ต้องแก้กฎหมาย ซึ่งจะต้องมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อไป ส่วนกรณีอนุบัญญ้ติ 15 ฉบับ กระทรวงกำลังดำเนินการ แต่ในกรณีการเลือกตั้งกรรมการต้องยุติลง ตามคำสั่ง คสช."
ขอบคุณข้อมูลประกอบบางส่วนจาก
รพ.ธรรมศาสตร์ห่วงนโยบาย ‘ตรวจสุขภาพ’ผู้ประกันตน ไม่ชัดเรื่องเกณฑ์ค่าบริการ http://www.matichon.co.th/news/407663
ชงเพิ่ม “ตรวจช่องปาก-ฝากครรภ์” สิทธิตรวจสุขภาพฟรี “ประกันสังคม” ห่วงเพิ่มภาระ รพ.เล็ก
http://manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID=9590000128552 |